8 เรื่องน่ารู้เกาะลิบง จังหวัดตรัง ไม่ได้มีดีแค่เที่ยว แต่มีไว้ให้รัก

   เกาะลิบง จังหวัดตรัง กับหลากหลายเรื่องราวน่ารู้ สรวงสวรรค์สำหรับคนรักการเที่ยวทะเล ทั้งยังเป็นสถานที่อนุบาล "มาเรียม" พะยูนน้อยที่มาเกยตื้นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2562
          ทะเลตรัง ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของคนที่หลงรักการเที่ยวทะเล นอกจากจะสวยต้องตาต้องใจใครหลายคนแล้ว ธรรมชาติก็ยังสวยงามสมบูรณ์มาก ๆ ประกอบกับเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2562 มีลูกพะยูนน้อยมาเกยตื้นที่เกาะลิบง จนตอนนี้หลายคนน่าจะคุ้นชื่อกับ "มาเรียม" ตามสื่อต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย การเกยตื้นของมาเรียมเกิดเป็นปรากฏการณ์ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม และในแง่ของการท่องเที่ยว จนทำให้เกาะลิบง จากที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กลายเป็นว่ายิ่งทำให้เราอยากรู้จักเกาะลิบงมากขึ้น

1. ทำความรู้จักเกาะลิบง

เกาะลิบง จังหวัดตรัง
          เกาะลิบง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง อยู่ในเขตอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นแหล่งหญ้าทะเลแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งเป็นอาหารของเหล่าพะยูน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งดูนกทะเลชนิดต่าง ๆ ประกอบกับทิวทัศน์ของชายหาดที่มีความสวยงาม จึงทำให้ที่นี่เหมือนเป็นดั่งสวรรค์น้อย ๆ สำหรับคนที่หลงรักการเที่ยวทะเล
 
          บนเกาะลิบงประกอบด้วยหมู่บ้านทั้งหมด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ "บ้านพร้าว" "บ้านบาตูปูเต๊ะ" และ "บ้านหลังเขา" ซึ่งทั้ง 3 หมู่บ้านเชื่อมโยงด้วยถนนอิฐบล็อก กว้างพอที่จะให้รถยนต์สัญจรผ่านไป-มา ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่ยังคงประกอบอาชีพประมง สวนยางพารา และสวนผลไม้เป็นหลัก วิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาวบ้านที่เรียบง่ายเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ประจำเกาะลิบงที่ชวนหลงใหล
 

2. เกาะลิบงเป็นบ้านหลังใหญ่ของพะยูน

เกาะลิบง จังหวัดตรัง
          เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า …เกาะลิบง เป็นแหล่งพบฝูงพะยูนมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยเหตุผลที่ว่าเกาะลิบงอุดมสมบูรณ์ด้วยหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของเหล่าพะยูน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งชาวลิบงเองร่วมกันอนุรักษ์ด้วยหัวใจ
 
          และภายหลังข่าวการเกยตื้นของพะยูนน้อย "มาเรียม" ที่อ่าวทึง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ตัดสินใจนำพะยูนมาอนุบาลต่อที่เกาะลิบง บริเวณบ้านแหลมจูโหย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ด้วยมีแหล่งอาหารและแห่งอาศัยของพะยูนโดยสมบูรณ์ ภาพความน่ารักและขี้อ้อน ทำให้ทุกคนที่ได้ติดตามข่าวหลงรัก บวกกับภาพความพยายามของเจ้าหน้าที่ในการอนุบาลเจ้ามาเรียม เหล่านี้มีส่วนสำคัญทำให้สังคมได้ตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์พะยูนอย่างจริงจังและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
 

3. จุดชมพะยูน เกาะลิบง

เกาะลิบง จังหวัดตรัง
          ด้วยพื้นฐานของพะยูนเป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิถีชีวิตของเหล่าพะยูน แนะนำว่าให้ขึ้นไปบน "หอชมวิถีสัตว์น้ำ (หอชมพะยูน)" ตั้งอยู่บริเวณปลายสุดของสะพานหลีกภัย หรือไม่ก็ที่ "ยอดเขาบาตูปูเต๊ะ" แต่จากหลายต่อหลายเสียงบอกว่าหอชมวิถีสัตว์น้ำมีความสูงไม่มากพอจะทำให้มองเห็นฝูงพะยูน ดังนั้นแนะนำว่าไปที่เขาบาตูปูเต๊ะจะดีกว่า (แต่ก็ใช่ว่าไปที่นี่จะได้เห็นกันทุกคนนะคะ) นักท่องเที่ยวอาจจะต้องเสียเหงื่อออกแรงทั้งเดินและปีนป่ายอยู่เสียหน่อย เพื่อขึ้นไปยังลานดูพะยูน ทั้งนี้การขึ้นมาดูพะยูนบริเวณดังกล่าว ส่งผลดีและเหมาะสมต่อการดูพะยูนมากที่สุด เพราะไม่เป็นการรบกวนพะยูนในเวลาหากินนั่นเอง (ส่วนใหญ่พะยูนจะออกมาหากินในช่วงเวลาน้ำลด)
 

4. สถานที่ท่องเที่ยว เกาะลิบง

     - หาดตูบ
          เป็นที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเกาะลิบง สวยงามและน่าพักผ่อน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเหมาเรือมาส่งที่นี่ แล้วเหมาเรือไปหาดต่าง ๆ ไปดูนกหัวโตกินปูที่ปลายแหลมจูโหย
 
     - หาดหลังเขา
          หาดหลังเขา หรือ "แหลโต๊ะแก" ชายหาดที่เป็นแหล่งปะการังชายฝั่ง จุดที่นักท่องเที่ยวสามารถดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้
 
     - บ่อน้ำจืดกลางทะเล
          หนึ่งในจุดท่องเที่ยวน่าเช็กอินของเกาะลิบง ความพิเศษของที่นี่ นั่นคือ ในช่วงเวลาน้ำลง นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงไปที่บ่อ ซึ่งเมื่อครั้งที่เกาะลิบงยังไม่ค่อยมีน้ำจืดใช้ ชาวบ้านก็ได้อาศัยน้ำจืดจากแอ่งน้ำนี้ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันตามแต่ละครัวเรือน
 
     - สะพานหิน
เกาะลิบง จังหวัดตรัง
          ประติมากรรมธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล จนดูคล้ายลักษณะเป็นสะพาน และมีช่องว่างด้านล่าง มองดูเหมือนสะพานที่ทำจากหิน หนึ่งในไฮไลต์ที่ใครมาเกาะลิบงต้องมาเห็นสักครั้ง
 
     - หาดทุ่งหญ้าคา
          ชายหาดที่มีแนวหินเรียงรายกันตลอดหาด และเป็นที่ตั้งของสะพานหิน เป็นอีกหนึ่งหาดเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศการถ่ายรูปสวย ๆ
 
     - แหลมปันหยัง
          มีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกสู่ทะเล ในสมัยก่อนแหลมปันหยังเป็นเสมือนที่พึ่งทางจิตใจของชาวเล มักถูกใช้เป็นสถานที่บนบานศาลกล่าวขอให้โชคดีในการออกเรือเพื่อหาสัตว์น้ำในทะเล และเป็นที่พึ่งขอพรสะเดาะเคราะห์ของชาวเลเพื่อให้หายจากโรคร้ายต่าง ๆ อีกด้วย
 
     - แหลมจูโหย
          หาดทรายสวยที่เมื่อเวลาน้ำลงสามารถเดินไปถึงเกาะตูบ ซึ่งมีนกทะเลให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจอยู่หลายชนิด มองออกไปเบื้องหน้าเห็นเกาะเจ้าไหมและแหลมเจ้าไหม สวยจนไม่อาจละสายตา ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานป่าไม้หรือเขตห้ามล่าในปัจจุบัน
 
          ด้วยเพราะเกาะลิบงมีชายหาดและแหลมอยู่อีกหลายแห่ง เช่น แหลมโต๊ะชัย อ่าวโต๊ะมัย และอ่าวโต๊ะเก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวได้ บางเส้นทางที่ไปอาจจะขรุขระไปบ้าง ยังไงก็ขับขี่ด้วยความระมัดระวังกันนะคะ
 

5. จุดดูนก เกาะลิบง

          เกาะลิบงถือเป็นสวรรค์ของนักดูนกอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะบริเวณหาดตูบ เป็นถิ่นอาศัยของนกทะเลและนกชายเลนที่หนีหนาวเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะปรากฏช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เช่น นกกินเปี้ยว นกกวัก นกยางเขียว นกนางนวลแกลบเคราขาว และนกหัวโตขาดำ เป็นต้น
 

6. เกาะลิบง ที่พัก

เกาะลิบง จังหวัดตรัง
          บนเกาะลิบงมีที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่หลายแห่งหลากหลายประเภท ทั้งแบบโฮมสเตย์ รีสอร์ต และโรงแรม เช่น
 
- ลิบงแคมป์
     ที่อยู่ : หมู่ 7 บ้านหาดทรายแก้ว ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
     เบอร์โทรศัพท์ : 087 276 2003
     เฟซบุ๊ก : ลิบงแคมป์
 
- บ้านลิบง โฮมสเตย์
     ที่อยู่ : หมู่ 4 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
     เบอร์โทรศัพท์ : 086 962 3010
     เฟซบุ๊ก : บ้านลิบง โฮมสเตย์
 
- เกาะลิบง มัลดีฟส์ โฮมสเตย์
     ที่อยู่ : ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
     เบอร์โทรศัพท์ : 081 397 1982
- Libong Beach Resort
     ที่อยู่ : หมู่ 5 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
     เบอร์โทรศัพท์ : 02 993 6989
     เฟซบุ๊ก : Libong Beach Resort 
 
- สะพานลิบง โฮมสเตย์
     ที่อยู่ : หมู่ 4 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
     เบอร์โทรศัพท์ : 086 949 2056
     เฟซบุ๊ก : สะพานลิบง โฮมสเตย์
 
- Libong Sunset Beach Resort
     ที่อยู่ : หมู่ 5 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
     เบอร์โทรศัพท์ : 093 545 6361
- Andalay Beach Resort
     ที่อยู่ : หมู่ 5 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
     เบอร์โทรศัพท์ : 095 085 8899
     เว็บไซต์ : http://andalayresort.com/home.html
     เฟซบุ๊ก : Andalaybeachresort
 

7. การเดินทางไปเกาะลิบง

          การเดินทางไปเกาะลิบงสามารถเดินทางมาได้อย่างง่าย ๆ และสะดวก โดยสามารถนั่งรถ บขส. จากกรุงเทพฯ มาลงที่จังหวัดตรัง (ดูรายละเอียดเที่ยวรถได้ที่ เว็บไซต์ www.busticket.in.th) หลังจากนั้นนั่งรถตู้ไปที่หาดยาว และต่อเรือประมาณ 30 นาที ก็ถึงเกาะลิบงเรียบร้อย หรือใครที่นำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถนำรถยนต์มาจอดที่ท่าเรือหาดยาวได้เช่นกัน
 
รายละเอียดเวลาเรือไปเกาะลิบง
          จากท่าเรือหาดยาว-ท่าเรือเกาะลิบง มีเรือโดยสารตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
 
เกาะลิบง จังหวัดตรัง
          เมื่อถึงเกาะลิบง โดยจะขึ้นที่บริเวณจุดท่าเรือหาดพร้าว นักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถมอเตอร์ไซค์ รถพ่วง และรถยนต์ให้เช่าเที่ยวบนเกาะ ราคาคิดตามสถานที่ที่ไปเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมบนเกาะต่าง ๆ (สามารถต่อรองราคากันได้)
 

8. ข้อมูลติดต่อสำหรับการมาเที่ยวเกาะลิบง

          สำหรับใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ของเกาะลิบง สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
 
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง
     โทรศัพท์ 075 251 932
 
- องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลิบง
     โทรศัพท์ 075 290 965
     เว็บไซต์ http://kohlibong.go.th/
 
- ททท. สำนักงานตรัง
     โทรศัพท์ 075 215 867
          ทุกวันนี้แม้เกาะลิบงจะเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่เพราะด้วยความเข้มแข็งของชุมชนชาวเกาะลิบง ที่เป็นเหมือนเครื่องมือปกป้องธรรมชาติบนเกาะ ก็ยังคงทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เกาะลิบงจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการแสวงหาธรรมชาติสงบ ๆ แต่อาจไม่พบเห็นจากที่ไหนได้แล้วในปัจจุบัน ^ ^
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์ http://kohlibong.go.th/เฟซบุ๊ก TAT Trang ททท.สำนักงานตรัง
 

เที่ยวทะเลหน้าฝน 15 ชายหาดฝั่งอ่าวไทย เทเขาแล้วเซไปทะเลกัน

เที่ยวทะเลหน้าฝนที่ไหนดี ? คำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบ เอาเป็นว่าตามเราไปดูกันดีกว่าว่ามีที่เที่ยวทะเลหน้าฝนฝั่งอ่าวไทยที่ไหนน่าไปเยือนบ้าง
          ช่วงหน้าฝนทีไรหลายคนน่าจะเกิดอาการเซ็ง เพราะสภาพฟ้าฝนไม่เอื้ออำนวยให้ออกเดินทางไปเที่ยว แต่เดี๋ยวก่อน !!! อาจไม่ใช่เสมอไปนะ เพราะจริง ๆ แล้วท้องทะเลทางฝั่งอ่าวไทย เป็นฝั่งเดียวที่จะมีฝนในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เพราะฉะนั้นท้องทะเลทางฝั่งนี้เลยเป็นเหมือนฮีโร่ในช่วงหน้าฝนเลยล่ะ และหลังจากที่เราเคยนำเอา 7 ที่เที่ยวทะเลอ่าวไทย ท้องทะเลสวย ๆ ที่ต้องไปยลในหน้าฝน มาแนะนำกันไปแล้ว คราวนี้เราหยิบที่เที่ยวทะเลหน้าฝนตามชายหาดและอ่าวต่าง ๆ ที่ไม่ต้องข้ามเรือ ขับรถจอดปุ๊บก็ลั้ลลาชมวิวท้องทะเลปั๊บมาฝากกัน เอาล่ะ...ไปเที่ยวทะเลหน้าฝนกันดีกว่า

1. หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี

          มาเริ่มกันที่ชายหาดน่าเที่ยวของเมืองเพชรอย่าง “หาดเจ้าสำราญ” ตั้งอยู่ที่ตำบลหาดเจ้าสำราญ อำเภอเมือง ที่นี่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมาแต่สมัยโบราณ มีประวัติเล่ากันมาว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเสด็จมาที่นี่พร้อมด้วย สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทัยในความงามของหาดนี้มาก ทรงประทับแรมอยู่หลายวัน จนชาวบ้านเรียกหาดนี้ว่า “หาดเจ้าสำราญ”
         มีบรรยากาศที่เงียบสงบ สวยงาม และเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีที่พักและร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอย่างเพียบพร้อม จะลงเล่นน้ำชิล ๆ กินอาหารทะเลอร่อย ๆ ก็เรียกได้ว่าสุขสำราญเหมือนกับชื่อหาดกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบเที่ยวทะเลแบบที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไปเที่ยวที่นี่รับรองว่าถูกใจสุด ๆ

2. อ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

          ที่เที่ยวทะเลหน้าฝนที่มีหาดทรายสวย น้ำทะเลใส ร่มรื่นเหมาะกับการพักผ่อน เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในเขตกองบิน 5 กองทัพอากาศ ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีภูเขาสองลูกโอบล้อม คือ “เขาล้อมหมวก” และ “เขาคลองวาฬ” ชายหาดมีลักษณะโค้งกลมเหมือนกับลูกมะนาว ว่ากันว่าอ่าวมะนาวเป็นชายหาดทะเลที่ต้องยกนิ้วให้ในเรื่องความสะอาด ด้วยเพราะชายหาดแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพอากาศ รวมถึงในแง่ความปลอดภัยด้วยเช่นกัน อ่าวมะนาวจึงเป็นหาดที่เหมาะกับการเล่นน้ำ หรือจะเดินเล่นชายหาดกินลมชมวิวทิวทัศน์ก็ยังได้
          ส่วนในเรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องห่วง เนื่องจากอยู่ในเขตทหาร ร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นแม่บ้านทหารมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเสียเอง ราคาไม่แพง มีให้เลือกกินหลายอย่าง หรือถ้าใครอยากลองตกหมึก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเหมาเรือประมง ออกไปตกหมึกดูสักครั้งก็ยังได้
          ทั้งนี้ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวสายลุยขึ้นไปพิชิตยอดเขาล้อมหมวก เพราะทางด้านบนของจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ถึง 3 อ่าว คือ อ่าวน้อย อ่าวประจวบฯ และอ่าวมะนาว เป็นทัศนียภาพที่สวยงามแบบสุด ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เขาล้อมหมวก 2562 อัปเดตตารางปฏิทินพิชิตยอดเขา สายลุยได้เวลาเฮ

3. อ่าวบ่อทองหลาง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

          อีกหนึ่งอ่าวอันเลื่องชื่อของทะเลประจวบฯ เพราะชายหาดมีลักษณะโค้งเกือบจะเป็นรูปวงกลม และเมื่อเวลาน้ำลดจะปรากฏแนวชายหาดทรายขาวเป็นลานกว้าง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเล่นน้ำ พักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ เพราะระดับน้ำของชายหาดบริเวณนี้ตื้น และมีเกาะหินขนาดเล็กตั้งเรียงรายอยู่ทางด้านหน้าอ่าว บรรยากาศเงียบสงบ น้ำทะเลใสแจ๋ว นอกจากนี้ยังมีจุดดำน้ำชมปะการังอยู่ด้านหน้าอ่าว อีกทั้งเมื่อถึงคราวน้ำลดจะปรากฏแนวหาดทรายขาวเป็นลานกว้าง นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาเล่นน้ำแบบชิล ๆ
          นอกจากนี้บริเวณชายหาดมีร้านขายอาหาร ทั้งอาหารทะเล อาหารอีสาน และเครื่องดื่ม ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่นี่จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ

4. หาดบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

          ชายหาดที่มีความกว้างและสวยงาม มีความยาวประมาณ 12 กิโลเมตร เรียงรายด้วยต้นมะพร้าวสลับกับต้นสนแนวยาว ขนานกับถนนเลียบชายทะเล ตั้งอยู่ในเขตบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน แบ่งออกเป็น 2 หาด ได้แก่ หาดบ้านกรูดเหนือ และหาดบ้านกรูดใต้ โดยมีเขาธงชัยคั่นกึ่งกลาง ตามชายหาดมีร้านอาหารและที่พักให้เลือก อยู่ตามถนนเลียบทะเลชายหาดบ้านกรูด โดยส่วนมากที่พักและร้านอาหารจะอยู่ที่หาดบ้านกรูดใต้
          นอกจากหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีครามแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อนักท่องเที่ยวมาหาดบ้านกรูด คือ การขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่เขาธงชัย ที่นี่นักท่องเที่ยวจะมองเห็นเวิ้งอ่าวบ้านกรูด ที่แลดูคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ทิวมะพร้าวสีเขียวตัดกับท้องทะเลสีฟ้า ที่สำคัญบริเวณจุดชมวิวแห่งนี้ ยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินอีกด้วย

5. หาดทรายรีสวี จังหวัดชุมพร

           ชายหาดที่สวยอีกแห่งหนึ่งในอำเภอสวีที่หลาย ๆ คนมองข้าม ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน บรรยากาศเงียบสงบ เป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ทอดตัวขนานไปกับทิวมะพร้าวเหมาะแก่การพักผ่อนและขับรถชมวิวทิวทัศน์ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวไปพักผ่อนชิล ๆ นอนฟังเสียงคลื่นซัดกระทบฝั่งที่ดังขึ้นเป็นระยะเพลิน ๆ พร้อมกับชมวิถีชีวิตชาวประมงอันแสนจะเรียบง่ายที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ลองถอนหายใจยาว ๆ และสูดอากาศที่สดชื่นเข้าไปลึก ๆ แล้วจะรู้สึกผ่อนคลายแบบสุด ๆ นอกจากนี้บริเวณหาดยังมีบ้านพักให้บริการด้วย

6. หาดทุ่งวัวแล่น จังหวัดชุมพร

          ชายหาดยอดนิยมของจังหวัดชุมพร ตั้งอยู่ที่ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว ชายหาดขาวสะอาด เม็ดทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวสุดสายตา ลักษณะเป็นชายหาดน้ำตื้นค่อย ๆ ลาดเอียงลงทีละน้อย เหมาะแก่การเล่นน้ำ เดินเล่นเบา ๆ และนั่งพักผ่อนหย่อนใจในยามแดดร่มลมตก จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้หาดทุ่งวัวแล่นยังเป็นจุดเริ่มต้นของการออกไปดำน้ำตามหมู่เกาะต่าง ๆ ในทะเลชุมพร รีสอร์ตหลายแห่งที่อยู่ริมชายหาดสามารถจัดกิจกรรมดำน้ำได้

7. หาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี

          หาดจอมเทียน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ ห่างจากตัวเมืองพัทยาประมาณ 4 กิโลเมตร ถือเป็นที่เที่ยวพัทยาที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมเดินทางไปพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้มีบรรยากาศคึกคัก แต่ก็ไม่พลุกพล่านมากนัก อีกทั้งด้วยชายหาดที่ขาวสะอาด ทอดยาวกว่า 6 กิโลเมตร
ภาพจาก asiastock / Shutterstock.com
           มีถนนที่ร่มรื่นเลียบชายหาด ซึ่งตลอดทางจะมีร้านอาหาร ร้านค้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว รวมถึงมีโรงแรม รีสอร์ต และคอนโดมิเนียมหลากแบบหลายราคาให้เลือกใช้บริการตามสะดวก ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ใครที่ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำก็มีบริการ ทั้งกระดานโต้คลื่น ขี่สกูตเตอร์ บานาน่าโบ๊ต และเล่นกิจกรรมทางน้ำอื่น ๆ แหม...น่าสนุกแบบนี้ชักอยากไปเที่ยวแล้วล่ะสิ

8. หาดน้ำใส จังหวัดชลบุรี

          อีกหนึ่งทะเลสัตหีบที่เราชักชวนให้ไปชิลในช่วงหน้าฝน ตั้งอยู่ในเขตของกองทัพเรือ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เป็นชายหาดยาวและมีความสวยงามมากแห่งหนึ่ง บริเวณชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลเป็นสีฟ้าใสแจ๋ว เหมาะแก่การเล่นน้ำ อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวไม่เยอะ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบ มีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน มีร้านค้าให้บริการ เหมาะสำหรับปิกนิกล้อมกับแก๊งเพื่อนหรือครอบครัว ส่วนใครอยากค้างสักคืนสองคืนก็มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะพักค้างคืนด้วยเช่นกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก บ้านรับรอง หาดน้ำใส และ เฟซบุ๊ก หาดน้ำใส แสมสาร
ภาพจาก Bubbers BB / Shutterstock.com
          หมายเหตุ : บ้านรับรอง หาดน้ำใส ให้เข้าพักเฉพาะคนไทย ชาวต่างชาติไม่อนุญาตนะคะ เนื่องจากที่พักอยู่ในสถานที่ราชการ และห้ามจับสัตว์น้ำทุกชนิด เนื่องจากเป็นพื้นที่อนุรักษ์ รวมถึงห้ามเล่นการพนัน

9. หาดพลา จังหวัดระยอง

          ชายหาดที่มีความเงียบสงบมาก ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบ้านฉาง ตลอดแนวชายหาดจะมีสวนสนให้ความร่มรื่น สามารถที่จะไปนั่งปูเสื่อปิกนิกริมทะเลได้แบบสบาย ๆ มีกิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่ คือ การเล่นน้ำ, พายเรือ, แล่นเรือใบ และนั่งกินอาหารในบรรยากาศสุดโรแมนติก

10. หาดน้ำริน จังหวัดระยอง

          ชายหาดเก่าแก่ที่อยู่ในตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง มีหาดทรายขาวละเอียดสลับแนวหินและโขดหินตามธรรมชาติ ดูสวยงามแปลกตา มีน้ำทะเลใสเป็นสีฟ้าเหมาะกับการเล่นน้ำและพักผ่อน เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระยองที่มีความสวยงาม ชายหาดน้ำรินมีลักษณะเป็นชายหาดทอดยาว ปลายหาดจะมีรูปปั้นปลาพะยูนอยู่บนหิน มีศาลาสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนได้พักผ่อนอีกด้วย

11. แหลมแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง

          อีกหนึ่งที่เที่ยวระยองที่เดินทางไปไม่ยาก ตั้งอยู่ที่อำเภอแกลง ห่างจากตัวเมืองระยอง 48 กิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงาม เหมาะแก่การเล่นน้ำ คลื่นไม่แรง ที่บริเวณหาดมีกิจกรรมทางน้ำมากมาย มีบริการบ้านพักทั้งโรงแรมและร้านอาหารตลอดแนวชายหาด
           สุดชายหาดเป็นที่ตั้งของ "ศาลเจ้าแม่พิมพ์" ศาลศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวระยอง และอีกด้านหนึ่งของศาลแม่พิมพ์ยังมีทางเดินเล็ก ๆ ทอดตัวขึ้นสู่วัดบนยอดเขาอันเป็นจุดที่สามารถชมวิวหาดแม่พิมพ์จากมุมสูง

12. หาดคุ้งวิมาน จังหวัดจันทบุรี

          อีกหนึ่งชายหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่ที่อำเภอนายายอาม ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีเพียงแค่ 15 กิโลเมตรเท่านั้น ชายหาดที่นี่จะบรรยากาศเงียบสงบมาก และมีความสวยงามไม่น้อยไปกว่าหาดเจ้าหลาว สามารถลงเล่นน้ำได้ มีร้านอาหารทะเลชายหาด บรรยากาศชิล ๆ ให้บริการหลากหลายร้าน พร้อมทั้งที่พักอีกมากมาย
          นักท่องเที่ยวสามารถที่จะขับรถชมวิวทะเลตามเส้นทางถนนเลียบชายหาดคุ้งวิมาน หรือถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ซึ่งเป็นถนนที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยได้อีกด้วย

13. หาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรี

          ชายหาดสุดฮอตของอำเภอท่าใหม่ เป็นชายหาดที่ทอดยาวขนานไปกับท้องทะเล พร้อมทั้งแนวสนสูงอันร่มรื่นตลอดแนวชายหาด รวมทั้งยังมีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใส เหมาะแก่การลงเล่นน้ำทะเล มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกสนุกสนานหลากหลายแบบ พร้อมทั้งยังมีรีสอร์ต โรงแรมติดชายหาดเปิดให้บริการหลายแห่ง ที่นี่จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก การเดินทางมาเที่ยวง่ายดายและปลอดภัย

14. แหลมกลัด จังหวัดตราด

          ชุมชนริมฝั่งทะเลที่น่าไปเที่ยวชม ด้วยมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนแหลมกลัดจะได้สัมผัสทั้งหาดทรายขาวที่ทอดยาวขนานไปกับทะเลอ่าวไทยหลายกิโลเมตร ได้ไปเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวประมงสุดเรียบง่าย ใครไม่ชอบทะเลก็มีน้ำตกสะพานหินให้ไปเล่นน้ำกันอย่างจุใจ และยังมีป่าชายเลนให้เดินเที่ยวชมชิล ๆ อีกต่างหาก ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ก็จะได้นั่งเรือออกไปชมโลมา หรือจะมาสนุกสนานกับประเพณีการงมหอยขาวในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปีก็ได้ มากินอาหารทะเลอร่อย ๆ เรียนรู้วิถีชิวิตชุมชนสัก 2 วัน 1 คืน ที่แหลมกลัด รับรองว่าจะได้ประสบการณ์ดี ๆ กลับบ้านไปแน่นอน

15. อ่าวตาลคู่ จังหวัดตราด

          ปิดท้ายกันที่อ่าวตาลคู่ ตั้งอยู่บริเวณตำบลบางปิด อำเภอแหลมงอบ อีกหนึ่งที่เที่ยวตราดไม่ข้ามเกาะยอดนิยม เพราะหลาย ๆ คนก็อยากไปเที่ยวทะเลตราดแบบที่ไม่ต้องนั่งเรือข้ามไปยังเกาะต่าง ๆ มีลักษณะเป็นชายหาดยาว บรรยากาศเงียบสงบ มีทิวต้นมะพร้าวให้ความร่มรื่นตลอดแนวชายหาด เหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนและเล่นน้ำกันเป็นครอบครัว หรือจะมาชมวิวพระอาทิตย์ตกดินก็สวยโรแมนติกไม่แพ้จุดอื่น ๆ ในจังหวัดตราดเลยล่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ททท. และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
 

เรื่องน่ารู้เกาะสุกร จ.ตรัง เสน่ห์แห่งความสงบและเรียบง่าย น่าไปพักผ่อน

     หลากหลายเรื่องราวน่ารู้ของเกาะสุกร จังหวัดตรัง อีกหนึ่งที่เที่ยวทะเลแดนใต้ พร้อมความประทับใจวิถีชีวิตแสนเรียบง่าย เที่ยวง่าย เที่ยวสนุก และประทับใจ
          ก่อนที่ฤดูร้อนจะผ่านพ้นไป หลายคนคิดอยากจะหาที่เที่ยวทะเลดี ๆ สักที่ เอาไว้เป็นการเที่ยวทิ้งทวนกันสักหน่อย แต่จะไปเที่ยวทะเลช่วงนี้ เห็นทีว่าต้องทำใจ เพราะก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา ที่ต่างมาเที่ยวคลายร้อนด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับใครที่อยากเที่ยวทะเลในบรรยากาศสงบ ๆ ได้มีเวลาซึมซับธรรมชาติและวิถีชีวิตผู้คนรอบตัว เราขอแนะนำที่ "เกาะสุกร" ชื่อเกาะนี้อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไร ไม่เป็นไร…วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักเกาะแห่งนี้ให้มากขึ้น แล้วค้นหาเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของเกาะแห่งนี้ไปด้วยกัน

1. ที่ตั้งเกาะสุกร

         "เกาะสุกร" หรืออีกหนึ่งชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "เกาะหมู" ตั้งอยู่ที่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง และห่างจากฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร ทั้งยังเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 แห่งท้องทะเลตรัง รองจากเกาะลิบง ลักษณะของตัวเกาะขนานไปกับแนวชายฝั่ง บนเกาะประกอบด้วยภูเขา สวนยางพารา ป่าโกงกาง นาข้าว และทะเล ทำให้ชาวบ้านบนเกาะส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง สวนยาง และเกษตรกรรมเป็นหลัก

2. เรื่องเล่าของเกาะสุกร

          เชื่อได้เลยว่า หลายคนที่ฟังชื่อเกาะนี้เป็นครั้งแรก ต้องเกิดอาการ "เอ๊ะ ! ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา" อย่างแน่นอน และเกิดความคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่า เป็นเกาะที่มีแต่หมูหรือเปล่า ? ถือได้ชื่อว่าเกาะสุกร ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่า…เกาะแห่งนี้มีหมูป่าอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมามีชาวมุสลิมอพยพมาอยู่ที่เกาะนี้ และได้ขับไล่หมูป่าออกไป และเมื่อคนบนฝั่งเห็นหมูป่ากำลังว่ายน้ำ จึงเรียนเกาะนี้ว่า "เกาะสุกร" หรือ "เกาะหมู" นั่นเอง อย่างไรก็แล้วแต่…ปัจจุบันไม่มีหมูปรากฏให้เห็นสักตัว เพราะชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนั่นเอง

3. เสน่ห์ของเกาะสุกร

          ด้วยความที่เกาะสุกรไม่ได้เป็นเกาะเชิงท่องเที่ยว เหมือนกับเกาะชื่อดังอื่น ๆ แต่นี่แหละคือเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้สัมผัส นั่นคือ บรรยากาศความเรียบง่ายและความสงบ ที่ผสมผสานเข้ากับวิถีชีวิตชาวบ้านดั้งเดิมอย่างลงตัว ต่อให้เวลาจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน เสน่ห์ของเกาะสุกรก็ไม่เสื่อมคลาย

4. ที่เที่ยวเกาะสุกร

          หากใครมีเวลาสำรวจเกาะสุกรดี ๆ จะเห็นเลยว่ามีสถานที่ที่น่าเช็กอินอยู่หลายจุด เช่น
          - จุดชมวิวเกาะสุกร
          เป็นจุดมองเห็นวิวตรงข้ามที่เป็นฝั่งของแผ่นดิน และมองเห็นเกาะเล็กเกาะน้อย และล้อมรอบด้วยวิวทะเล 180 องศา ณ จุดนี้ มีบริการถ่ายรูปจากไกด์ท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวอยู่ด้วยนะคะ ใครอยากได้รูปแบบไหน ก็สามารถบอกเขาได้เลย จะแอ็คท่าถ่ายสักกี่ท่าหรือกี่รูป พี่ไกด์ท้องถิ่นก็เต็มใจให้บริการ
           - บ่อน้ำมหัศจรรย์
           บ่อน้ำจืดตั้งอยู่ห่างจากริมทะเลแค่ 20 เมตร มีอยู่ด้วยกัน 2 บ่อ ซึ่งชาวบ้านจะนำน้ำจืดไปใช้อาบได้ ซึ่งน้ำจืดบ่อนี้เป็นน้ำจืดที่ผุดขึ้นมาจากชั้นดินด้านล่าง แถมยังไม่เคยเหือดแห้งเลยด้วย นอกจากนี้…แม้ว่าบ่อน้ำบ่อนี้จะอยู่ใกล้ทะเลมาก ๆ แต่รสชาติน้ำในบ่อก็ยังมีรสชาติจืดอยู่ดี และนี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบ่อน้ำแห่งนี้ ถึงได้ชื่อว่า "บ่อน้ำมหัศจรรย์"
           - ตลาดนัดบ้านทุ่ง
           ตั้งอยู่ใกล้ชายทะเล เป็นตลาดที่อุดมสมบูรณ์ด้วยของกินอร่อย ๆ มีร้านอาหารมากมายให้เราได้อุดหนุนเลือกซื้อ นอกจากนี้ยังมีขนม ของหวาน ของกินเล่น และผลไม้ เปิดขายทุกวัน เรียกได้ว่าแวะมาเที่ยวอุดหนุนกันได้เลย
           - แตงโมเกาะสุกร
           ผลไม้ขึ้นชื่อของเด็ดของดีของเกาะสุกร เพราะลองคุณมองไปทางไหน ไม่ว่าจะร้านอาหาร ร้านขายของสด เราก็จะเห็นแตงโมวางขายทุกร้าน และใครลองกิน ก็จะรู้ถึงรสชาติความหวานและกรอบ หลายคนติดใจ เลยอยากไปลองพิสูจน์ความอร่อยกันถึงสวน ซึ่งชาวบ้านเองก็ยินดีให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเข้าเยี่ยมชมด้วยเช่นกัน

5. กิจกรรมสนุก ๆ ที่เกาะสุกร

          บนเกาะมีกิจกรรมดี ๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนชายหาดชิล ๆ, เช่าเรือดำน้ำที่เกาะเหลาเหลียงและเกาะตะเกียง, เยี่ยมชมไร่แตงโม ของขึ้นชื่อเด็ดของเกาะสุกร เป็นต้น
          แต่ถ้าจะให้แนะนำ ลองมาปั่นจักรยานชมวิวกันดู ตลอดเส้นทางที่คุณปั่น จะผ่านภูเขา สวนยางพารา สวนมะม่วงหิมพานต์ ป่าโกงกาง ป่าโปร่ง ไร่แตงโม ทุ่งนา ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรไปสัมผัส สูดความหอมของกลิ่นขวัญข้าวช่วงตั้งท้อง หรือจะแวะเพลิดเพลินกับฝูงวัว-ควาย ฝูงนกเป็ดน้ำ นกกระยาง นกกวัก ปิดท้ายด้วยไปชมฝูงปูก้ามดาบ ปูหลากสี ฝูงนาก สัตว์ป่าชายเลน ก็สามารถทำได้ รวมถึงไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน เช่น ร้านจำหน่ายผ้าบาติก เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้ และหัดวาดลายผ้าบาติก รวมทั้งกรรมวิธีการย้อมผ้า เป็นต้น

6. วิธีทัวร์รอบเกาะสุกร

ภาพจาก kunanon / Shutterstock.com
           ใครก็ตามที่มาเที่ยวเกาะสุกร เราจะเห็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำเกาะ นั่นคือ "ซาเล้ง" พาหนะที่จะพาคุณทัวร์รอบเกาะ ลัดเลาะไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ราคาขึ้นอยู่กับคุณจะตกลงความพอใจกันได้เลย (แต่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ราคาประมาณ 400 บาท และติดต่อผ่านรีสอร์ตที่พักได้โดยตรง) ใครอยากเช่ารถจักรยานยนต์ หรือขี่รถจักรยานรอบเกาะ ก็ทำได้เช่นกัน ระหว่างที่ทัวร์รอบเกาะ นักท่องเที่ยวก็จะสัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้าน ทั้งยังยิ้มแย้มแจ่มใส โบกมือทักทายนักท่องเที่ยวอย่างเราด้วยความเป็นกันเอง

7. ที่พักเกาะสุกร

          บนเกาะสุกรมีที่พักให้บริการอยู่หลายแห่ง ได้แก่
          สุกรคาบาน่ารีสอร์ท
          ที่พักบรรยากาศสบาย ๆ เงียบสงบ และสามารถเดินทางไปเที่ยวหมู่บ้านได้สบาย ๆ ให้บริการที่พักแบบบังกะโล ทุกหลังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องทำน้ำอุ่น และยังมีระเบียงสำหรับให้คุณได้นั่งชมบรรยากาศท้องทะเลของเกาะสุกรได้สบาย 
          เบอร์โทรศัพท์ : 098 575 0288, 089 7242326
          เว็บไซต์ : sukorncabanaresort.com
          ภูชี้เล โฮมสเตย์
         ที่พักเกาะสุกรที่คุณจะฟินไปกับความชิลแบบไม่มีจำกัด เน้นที่ความสะดวกสบาย พักผ่อนแบบธรรมชาติ ทั้งยังได้กินอาหารทะเลสด ๆ บอกเลยว่าใครมาพักก็ต้องถูกใจ เหมือนได้ชาร์จพลังให้กับชีวิตไปในตัว ภายในห้องพักตกแต่งเรียบง่าย มีพื้นที่ให้คุณได้ชื่นชมท้องทะเลเพลิน ๆ รับรองว่าถูกใจ
        เบอร์โทรศัพท์ : 085 069 9303
         - Yataa spa & resort
         ที่พักเกาะสุกรน่านอน ให้บริการที่พักแสนสบาย มีให้เลือกทั้งแบบห้องพักวิลล่าและบ้านไม้ สวยและทันสมัย ด้วยห้องพักหลากหลายประเภท คือ ห้องธรรมดา, ซูพีเรีย, ดีลักซ์, สเปเชียลดีลักซ์ และแฟมิลี่ นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจกิจกรรมต่าง ๆ และอาหารอร่อย ๆ ไว้คอยบริการอีกด้วย
        เบอร์โทรศัพท์ : 095 257 9294, 089 647 5550
        เว็บไซต์ : sukornisland.yataaresort.com
        เฟซบุ๊ก : Yataa spa & resort
          สุกรอันดามันบีชรีสอร์ท
         ตั้งอยู่บริเวณทางด้านหลังของเกาะสุกร ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสวย เต็มอิ่มกับบรรยากาศการพักผ่อนอย่างเต็มที่ บ้านพักเน้นความเรียบง่ายและสะดวกสบายแก่ผู้เข้าพักเป็นหลัก มีทั้งแบบห้องธรรมดาและห้องปรับอากาศให้เลือกตามอัธยาศัย เป็นอีกหนึ่งที่พักบนเกาะสุกรชิล ๆ ที่น่ามาลองเช็กอินดูกัน
          เบอร์โทรศัพท์ : 081 416 2526
          เฟซบุ๊ก : สุกรอันดามันบีชรีสอร์ท

8. ที่เที่ยวใกล้เกาะสุกร

          บริเวณใกล้ ๆ เกาะสุกรยังมีอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่รอให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส และบอกเลยว่า…ไม่ได้เห็นกันได้บ่อย ๆ ด้วยนะคะ กับสันหลังมังกรหยก ซึ่งเราจะได้เห็นก็ต่อเมื่อเป็นช่วงเวลาน้ำลดเท่านั้น และไม่ว่าคุณจะมาช่วงเช้า บ่าย และเย็น คุณก็จะได้ชื่นชมกับบรรยากาศความสวยงามของพระอาทิตย์ที่แตกต่างกัน นับเป็นความมหัศจรรย์ของสันทรายกลางทะเลอันดามัน ที่น่าตื่นตามาก ๆ

9. การเดินทางมายังเกาะสุกร

         จากตัวเมืองตรังไปทางอำเภอย่านตาขาว ต่อไปยังสี่แยกบ้านนา แล้วเลี้ยวขวาไปทางอำเภอหาดสำราญ หลังจากนั้นเลี้ยวซ้ายไปยังท่าเรือตะเสะ ซึ่งที่นี่มีบริการรับฝากรถ และนักท่องเที่ยวนั่งเรือต่อไปยังเกาะสุกรต่อไป สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 081 607 1256, 080 530 1399
เกาะสุกร นับเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ สัมผัสบรรยากาศเงียบสงบ และเรียนรู้วิถีชีวิตแบบเรียบง่ายของชาวบ้าน แถมยังเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ใครที่อยากจะหาที่เที่ยวเติมพลังให้กับตัวเอง แนะนำให้ลองมาเที่ยวที่นี่ดูสักครั้ง บอกเลยว่าประทับใจไปอีกนาน ^ ^ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลปะเหลียน โทรศัพท์ 075 290 639